Feeds:
เรื่อง
ความเห็น

ออกได้ก็เข้าได้

ฉบับก่อนเขียนเรื่องถูกออกแล้วจะไปทำอะไรกิน เตือนสติตำรวจที่ชอบลุยทำงานเสี่ยงๆ พลาดพลั้งถูกออกคงจะพอเห็นช่องทางรักษาศักดิ์ศรีไม่อายใคร ออกได้ก็ต้องกลับเข้าไปใหม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ของง่ายที่อยู่เฉยๆแล้วจะกลับเข้าไปได้ มันต้องมีวิธีการ เรื่องนี้ถือเป็นคัมภีร์สำหรับตำรวจที่ถูกออกแล้วอยากกลับเข้ารับราชการอีก แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปหลายปีแล้ว หลักเกณฑ์วิธีการอาจจะเปลี่ยนไปบ้างแต่ยังไงๆก็ยังพอยึดถือเป็นแนวทางได้
หมดอำนาจหัวโขนถูกถอดค้นพบสัจธรรมหลายอย่าง จะมีสักกี่คนที่รักเราจริง ทำให้ต้องฮึดสู้กลับเข้าสู่วงจรเดิมอีก ผมกลับเข้ารับราชการได้อีกก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆและผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือหลายคน บางคนไม่ใช่ญาติแต่ดียิ่งกว่าญาติ ผมไม่เคยลืมบุญคุณของบุคคลเหล่านี้ ออกจากราชการมีงานทำสบายกว่าแต่ก็อยากกลับเพราะมีคนสบประมาท ถูกออกในสมัยที่ พล.ต.อ.สุรพล จุลพราหมณ์ เป็นอธิบดีตำรวจ แต่ผู้ที่คับเคี่ยวกับผมจริงๆก็คือ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีตำรวจฝ่ายปราบปราม วงการนักเลงพนันกันว่าผมไม่มีทางกลับเข้ารับราชการได้หากท่านอธิบดีณรงค์ฯยังมีอำนาจอยู่
หลักเกณฑ์การกลับเข้ารับราชการ ถูกให้ออกจากราชการไม่ใช่เรื่องทุจริตสามารถกลับเข้ารับราชการได้แต่อายุตัวจะต้องไปเกิน 45 ปี ทำไงดี อธิบดีณรงค์ฯยังอยู่ในตำแหน่งเป็นปีสุดท้าย ถ้ารอท่านเกษียณผมก็หมดสิทธิ์ เป็นไรเป็นกันจำเป็นต้องยื่นกลับในสมัยของท่าน เวลาผ่านไปหลายปีอะไรๆก็อาจจะดีขึ้น อุปนิสัยคนไทยเห็นอกเห็นใจคน ลืมง่ายและให้อภัย ผมเลือกเวลาที่ท่านอธิบดีณรงค์ฯใกล้เกษียณโดยคิดว่าชั่วโมงนั้นท่านน่าจะเมตตาผม
สิ่งที่ต้องเตรียมการณ์ล่วงหน้าไว้ให้พร้อมก็คืองานด้านเอกสาร สมัยนั้นจำได้ว่าผู้ที่ถูกออกจากราชการถ้าประสงค์จะยื่นกลับจะต้องมีหลักฐานว่าระหว่างที่อยู่นอกราชการได้ช่วยเหลืองานราชการตำรวจอย่างไรบ้าง โดยมีข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการขึ้นไปรับรอง ข้อนี้ผมผ่านสบายๆเพราะช่วงที่ออกก็ได้ไปตั้งหน่วยสืบสวนอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพจำกัด มีผลงานด้านสืบสวนจับกุมคดีทุจริตฉ้อโกงธนาคารฯประมาณ 20 คดี ไปสืบจับคดีของท้องที่ใดก็จะให้ผู้บังคับการท้องที่นั้นๆออกหนังสือรับรอง ผมได้ “ป๋าลอ” เป็นตัวช่วยสำคัญในการสืบสวนจับกุมคดีต่างๆ ไม่เคยลืมท่าน
เรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งคือ ถ้าจะกลับเข้ารับราชการจะต้องมีตำแหน่งรองรับ จะไปเอาตำแหน่งที่ไหน (ออกตำแหน่งอะไรก็ต้องเข้าในตำแหน่งเดียวกัน) ผมต้องเข้าในตำแหน่งสารวัตร ถ้าจะหวังรอตำแหน่งว่างตอนเกษียณเมื่อสิ้นปีงบประมาณก็ต้องไปแย่งกับคนอื่น ต้องขอบคุณ “ประจักษ์ศิลป์ฯ” เพื่อนรักจอมไอเดียร์ ต้องทำให้ตำแหน่งว่างและเป็นตำแหน่งของเราใครมาแย่งต้องโกรธกัน ประจักษ์ศิลป์ฯช่วยทำให้มีตำแหน่งสารวัตรว่างลง 1 ตำแหน่งในสังกัด บชก. โดยสารวัตรท่านหนึ่งอายุราชการเหลือเพียงปีเศษๆยอมเสียสละลาออกจากราชการให้ผมเข้าเสียบแทน (เทคนิคการทำให้ตำแหน่งว่างมีวิธีอย่างไรต้องสอบถาม ประจักษ์ศิลป์ฯ ปัจจุบันเป็นนักเขียนปากกาคม นามปากกา “วาทตะวัน” เจ้าของบทความ “เหี้ยส่องกระจก” และ “รัฐทำนวยหัวคูณ”)
การยื่นขอกลับเข้ารับราชการเป็นโอกาสเดียวและเป็นโอกาสสุดท้าย ถ้าไม่ยื่นอายุจะเกินหมดสิทธิ์ งานนี้พลาดไม่ได้ ต้องพึ่งพาโหราศาสตร์ด้วย ดูดวงหาช่วงเวลาที่ดวงดาวโคจรทำมุมมีผลต่อลักขณา หาช่วงจังหวะที่ดวงแข็งที่สุด ได้พี่ เวทย์ เพชรบรม เป็นอาจารย์ผูกดวงกำหนดวันเวลายื่นเอกสาร เวลาที่ดีที่สุดมีเพียง 15 วันในเดือนสิงหาคม อาทิตย์เล็งลัคณา พี่เวทย์ฯบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมดวงแข็งที่สุด ทำอะไรก็สำเร็จ
การทำให้ตำแหน่งว่างเกือบจะเป็นปัญหา ตามระเบียบเมื่อตำแหน่งว่างลงฝ่ายกำลังพลต้องแจ้งให้กรมตำรวจทราบพร้อมทั้งเสนอแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งไปด้วย ปัญหาเกิดตอนที่ ผบช.ก.ในสมัยนั้นได้เสนอแต่งตั้งลูกน้องคนสนิทไปด้วย ต้องขอบคุณพี่สล้างฯ (พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค เป็นหัวหอกพาผมไปที่บ้านอดีต ผบช.ก.ผู้นั้น คำพูดพี่สล้างฯพูดกับอดีต ผบช.ก.ผมยังจำได้ “…ถ้าพี่ทำอย่างนี้ก็เท่ากับทะเลาะกับเด็กมัน…” อดีต ผบช.ก.รู้ความจริง ยกเลิกการเสนอแต่งตั้งทดแทนตำแหน่งที่ว่างแต่กลับจะไปเอาเรื่องกับสารวัตรที่ลาออก หาว่าขายตำแหน่ง แต่ในที่สุดก็คุยกันรู้เรื่อง
ผู้ที่มีบทบาทในการช่วยเหลืออย่างมากคือ วุฑฒิชัยฯ กับชาญชิตฯ เพื่อนรักร่วมรุ่นของผม วุฒิชัยฯดูแลเรื่องเอกสารที่ขอยื่นกลับให้ถูกต้องครบถ้วน เตรียมพร้อมเสนอเข้าที่ประชุม กตร.และคอยประสานเรื่องกำลังพล กันตำแหน่งว่างดังกล่าวไว้ให้ ชาญชิตฯเป็นผู้ประสานให้ได้เข้าพบกับอธิบดีณรงค์ฯ ธรรมดาจะเข้าบ้านใครก็ต้องพูดจากับเจ้าของบ้านก่อน ผมถือฤกษ์ยามตามดวงที่พี่เวทย์ฯให้มา วันเข้าพบอธิบดีณรงค์ฯผมนั่งรอหลังห้องเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะให้เข้าพบ ในใจก็คิดเหมือนกันว่าทำไมนานนักหรือว่าท่านยังโกรธอยู่ ยังไงก็ต้องลองเพราะไม่มีอะไรจะเสีย พอนายเวรมาตามให้เข้าพบได้ก็ต้องไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานอีกประมาณ 15 นาทีโดยไม่ได้พูดจากันเลย อธิบดีเซ็นต์ชื่อในแฟ้มเอกสารสีน้ำตาลวางซ้อนเป็นตั้งๆประมาณ 20 แฟ้ม เมื่อท่านเซ็นต์แฟ้มสุดท้ายเสร็จก็โยนแฟ้มลงกับพื้นเสียงดังโครม ดังมากจนผมตกใจ คิดเหมือนกันว่าท่านคงจะระบายความอึดอัด ระบายความโกรธออกไปซะบ้างแทนการตบบั้งหูผม คำถามแรกที่ท่านถามผมคือ “มีอะไร” อยู่กันเพียงสองคนก็ว่ากันได้เต็มที่ไม่ต้องยั้ง “ผมอยากกลับเข้าตำรวจครับ ถูกออก 5 ปีเป็นการลงโทษเพียงพอแล้วครับ……” คำพูดที่ชวนให้น่าสงสารก็พรั่งพรูออกมา ผมทำการบ้านมาดี ก่อนหน้าที่จะเข้าพบอธิบดีณรงค์ฯผมได้ไปลา คุณชาตรี โสภณพนิช เจ้าสัวแบ๊งกรุงเทพ ทราบว่าได้ทาบทามอธิบดีณรงค์ฯเป็นที่ปรึกษาธนาคารฯและท่านได้ตอบรับ ถูกเผ๋งเลย ท่านอธิบดีณรงค์ฯถามถึงเรื่องธนาคารฯซึ่งผมได้เตรียมข้อมูลไว้ล่วงหน้า บรรยากาศพูดคุยดีขึ้นเป็นลำดับ ผมไม่ลืมที่จะย้ำถึงการยื่นกลับ ท่านอธิบดีบอกว่า “ผมจะพ้นหน้าที่ในอีก 2 เดือนข้างหน้า จะทันรึ” ผมบอกว่าเพียงท่านรับผมเข้าก็พอ อธิบดีพยักหน้ารับคำ ผมรีบลาท่านด้วยความดีใจออกไปบอกเพื่อน ชาญชิตฯกับวุฒิชัยฯที่คอยลุ้นอยู่ห้องข้างๆ ชาญชิตฯไม่รอช้าคว้ากระดาษบันทึกซึ่งพิมพ์ข้อความไว้แล้วเข้าพบอธิบดีณรงค์ฯ สักพักชาญชิตฯออกมาบอกว่าท่านจะไม่ยอมเซ็นต์แต่ในที่สุดก็เซ็นต์ บันทึกนั้นมีข้อความว่า ให้นำเรื่องที่ผมยื่นขอกลับเข้ารับราชการเข้าที่ประชุม ก.ตร. ผมจึงได้ทราบระเบียบ การยื่นเรื่องกลับเข้ารับราชการนั้นเจ้ากรมจะต้องมีคำสั่งลงไปว่าจะรับหรือไม่รับ ต้องขอบคุณชาญชิตฯเพื่อนที่รอบคอบมาก
ปัญหามีตามมาอีก จะเข้าที่ประชุม ก.ตร.เมื่อไหร่เพราะใกล้สิ้นปีงบประมาณ อธิบดีณรงค์ฯก็จะเกษียณ ถ้าไม่ทันสมัยของท่านก็ต้องไปตั้งต้นกันใหม่ ประธาน ก.ตร.คือ พล.อ.ประจวบ สุนทรางกูร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถ้าเข้าถึง “หัว” ได้ก็จบ จะทำยังไงดี ก่อนจะถูกให้ออกเคยไปขอความช่วยเหลือแต่ท่านปฏิเสธ คำพูดของท่านตอนนั้นยังจำได้ “….คุณไม่ใช่ญาติผม ทำไมผมต้องช่วยคุณด้วย….” ควรจะจดจำไหมล่ะครับ เวลาไม่รอยังไงก็ต้องชน ได้ผู้ใหญ่ที่ใจดีมีเมตตาสูง คุณขรรค์ชัยฯ เจ้าของหนังสือพิมพ์มติชน ส่งบันทึกน้อยถึง พล.อ.ประจวบฯ ข้อความในบันทึกไม่กี่บรรทัดแต่เป็นข้อความที่ลิขิตชีวิตของผมทีเดียว
ไม่กี่วันต่อมาก็มีการประชุม ก.ตร. ท่านประธานฯได้ถามในที่ประชุมถึงตำรวจที่ยื่นกลับเข้ารับราชการ เวรกรรมจริงๆท่านประธานฯจำชื่อผมไม่ได้ ทุกคนในที่ประชุมมองหน้ากันเชิงถามว่า “ใครว๊ะ” เพราะมีตำรวจหลายคนที่วิ่งกลับเข้ารับราชการ บุญของผมอีกที่ วุฑฒิชัยฯเพื่อนผมเป็นเลาขาที่ประชุมซึ่งรู้เรื่องดีก็บอกชื่อไปทันที ท่านประธานบอกว่าให้เอาเข้าที่ประชุมด่วนเพราะท่านจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ อาทิตย์ต่อมาการประชุม ก.ตร.เร่งด่วนก็เริ่มขึ้น เรื่องขอกลับเข้ารับราชการของผมถูกบรรจุเข้าวาระ ท่านประธานกล่าวนำในเชิงบวกมีหรือที่กรรมการอื่นจะเห็นแย้ง ม้วนเดียวจบ ผมได้กลับเข้ารับราชการตามเดิมเมื่อปี พ.ศ.2530
เห็นไหมครับ มันต้องมีการวางแผน เตรียมการณ์ เอกสารต้องพร้อม การประสานต้องดี เวลาต้องลงตัว ผมเป็นหนี้บุญคุณบุคคลหลายคน ผู้ที่ผมกล่าวถึงล้วนเป็นบุคคลที่ต้องจดจำตลอดชีวิต ยังคนอื่นๆอีกจำนวนมากที่มีส่วนช่วย ผมไม่รู้ว่าจะขอบคุณผู้มีส่วนช่วยเหลืออย่างไร ขอเขียนเรื่องนี้เผยความในใจก็แล้วกัน
ตำรวจที่ถูกออกแล้วอยากกลับเข้าไปใหม่คงพอเห็นแนวทางแล้วนะครับ ถ้าหัวเรือใหญ่ไม่เล่นด้วยก็ลำบาก ถ้าเอาด้วยก็ม้วนเดียวจบครับ.

คนส่วนมากอยากเป็นตำรวจอำนาจเยอะเหนือคนธรรมดา ค้น จับ ขัง ได้ หยุดรถ ปิดถนน ก็ได้ ฯลฯ  แย่งกันเข้า พอเข้าได้วิ่งเอาตำแหน่ง แย่งพื้นที่  สอบเลื่อนชั้นทีก็ต้องมีโกง  อะไรไม่ร้ายเท่าเข้าไปแล้วทนสิ่งยั่วยุไม่ได้ลืมอุดมการณ์เผลอๆโดนออก  บางคนไม่ได้ออกเปล่าเจอคุกด้วย  ตำรวจส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้พอเจอเข้าจริงงง  ไม่ใช่กลัวอดตายแต่มันเสียหน้า  อายเพื่อนอายพวก  ความจริงคิดไปเองไม่มีใครอาลัยอาวรณ์นอกจากพูดเพื่อรักษาน้ำใจ  คล้อยหลังนินทาอาจดีใจที่ตำแหน่งว่าง  ถ้าตัวเองทำใจได้ลูกเมียเข้าใจก็จบ  อาชีพอื่นที่เจริญก้าวหน้า มีเกียรติ สร้างฐานะความร่ำรวยได้มีถมไป  เพราะต้องการรักษาหน้า แก้แค้น ลบคำสบประมาท สะใจ เอาชนะ มันจึงต้องสู้กันเต็มที่เพื่ออยู่ต่อ  เรื่องนี้พอเป็นคัมภีร์จากผู้มีประสบการณ์

ปี 2525 ผมถูกตั้งกรรมการสอบสวนฐานผิดวินัยร้ายแรง ข้อหาช่วยเหลือผู้กระทำผิดอาญาสำคัญหลบหนีออกนอกประเทศ  พลตำรวจเอกประยูร โกมารกุลเป็นประธานกรรมการสอบสวน  สำนวนเสร็จเร็วมากเพราะเป็นที่สนใจของประชาชน  ครั้งแรกของเมืองไทยที่หนังสือพิมพ์รายวันเสนอข่าวถึง 4 หัวในวันเดียวกัน  เพียงแค่สามเดือนสำนวนก็ถึงกรมตำรวจ  คณะกรรมการเมตตามีความเห็นให้ยุติการสอบสวน  สำนวนผ่านกองคดีเจ้าหน้าที่มีความเห็นกลับ ให้ไล่ออกจากราชการและดำเนินคดีอาญาแถม  ถึงกรมตำรวจออกผลมากลางๆคือ ให้ออกจากราชการ เป็นการออกที่เป็นคุณที่สุด ได้รับบำนาญด้วย  วิ่งตีนพลิกเข้าหาคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนทุกคนพร้อมเอกสารแก้ตัวปึกหนา  เสียเวลารวบรวมเอกสารผลงานไม่มีประโยชน์อะไรเลย  ไม่มีใครหยิบขึ้นมาอ่านด้วยซ้ำ  จำไว้ถ้าเจ้าสังกัดไม่ปรารถนาป่วยการเสียเวลาเสียเงินเสียทองเปล่าๆ ออกลูกเดียว

เก็บแค้นไว้ในใจหลายเรื่อง  ฝังใจเจ้าหน้าที่ๆเสนอให้ดำเนินคดีอาญายังจำชื่อได้จนทุกวันนี้  ไม่ใช่พวกไม่ใช่ญาติมันก็แบบนี้แหละ  ตั้งใจไว้เมื่อออกได้ก็ต้องเข้าให้ได้แต่ตอนนี้ต้องถอยตั้งหลักก่อน  ถึงตอนที่จะตอบคำถาม “ออกจากตำรวจแล้วจะไปทำอะไรกิน”  จริงๆแล้วไม่ได้เป็นตำรวจก็ไม่อดตายแต่เรื่องเสียหน้าอับอายสำคัญกว่า  สิ่งแรกคือภรรยาและลูกๆพร้อมญาติๆให้กำลังใจไม่ซ้ำเติมแค่นี้พอ  ตอนออกเป็นข่าวใหญ่ก็ดีไปอย่างคนที่ต้องการตัวคอยจ้อง  มี 3 รายที่ติดต่อขอให้ไปทำงาน  ผมตัดสินใจเลือกธนาคารกรุงเทพจำกัดเป็นอันดับแรก  ได้พบกับเจ้าสัว ชาตรี โสภณพนิช ท่านมีเมตตาอยากให้ไปช่วยงานธนาคารเพราะมีแต่คนคอยจ้องจะทุจริต  เพียงแค่นี้ก็เห็นช่องทางว่าจะทำอะไรได้บ้าง  ตอบตกลงทันที  ถึงตอนสำคัญที่เจ้าสัวถามว่าต้องการเงินเดือนเท่าไหร่  ความดีใจที่ไม่ตกงานบอกแบบเกรงใจให้มากกว่าเงินเดือนตำรวจนิดหน่อยก็พอ  ภายหลังเสียดายเพราะเจ้าสัวพูดคุยกับคนอื่นจนมาเข้าหูว่าจ้างได้ถูกมาก  จึงได้รู้ว่าที่นั่นเค้าจ้างผู้ชำนาญการเงินเดือนเป็นหลักแสน  ผมถูกวางตัวในตำแหน่งหัวหน้าส่วนตรวจสอบทั่วไป  เหมือนเป็นตำรวจแบ้งค์ตรวจสอบได้ทุกเรื่องในส่วนของธนาคาร  ตำแหน่งนี้ถ้าเทียบกับทางตำรวจก็เท่ากับตำแหน่งผู้กำกับการ  มีผู้ใต้บังคับบัญชา มีงบประมาณของตัวเอง  เป็นคนนอกที่เข้าไปกินตำแหน่งใหญ่ย่อมถูกลูกหม้อเจ้าถิ่นเพ่งเล็งเป็นธรรมดา  เจ้าสัวติดอาวุธให้ผมได้เข้าเรียนรู้งานของธนาคารตั้งแต่งานในหน้าที่พนักงานเคาน์เตอร์รับจ่ายเงินจนถึงงานในตำแหน่งผู้จัดการซึ่งถือว่าสูงสุด  หลายหลักสูตรที่เป็นประโยชน์สำหรับการที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำ  อยู่ที่นี่จึงรู้ว่าการเป็นตำรวจรู้งานเพียงด้านเดียวคือเกี่ยวกับความปลอดภัย  งานระดับชาติจะเกี่ยวพันหลายเรื่อง เศรษฐกิจ การเมือง การค้าระหว่างประเทศ การเงิน การคลัง การต่างประเทศ  ยังมีอีกมากที่ตำรวจควรรู้จึงจะพูดคุยระดับมหภาพได้  เหมือนกบออกนอกกะลา  นี่เราคุยกับใครได้เรืองเดียวคือเรื่องสืบจับผู้ร้าย  เอาละถึงคราวต้องสร้างปมเด่นให้รู้จักฝีมือตำรวจไทยซะบ้าง

ตอนที่ไปอยู่ธนาคารกรุงเทพมีคดีคนร้ายทุจริตโกงเงินธนาคารเกิดขึ้นบ่อยมากโดยเฉพาะการปลอมเช็ค  ปลอมหลักฐานการโอนเงิน  ปลอมบัตร ATM ฯลฯ  ธนาคารจะทำการตรวจสอบ(สืบสวนสอบสวน)ภายในก่อนแล้วจึงส่งให้ตำรวจ  บางเรื่องก็ไม่ส่งเพราะถ้าไปถึงตำรวจข่าวเปิดจะกระทบกระเทือนถึงธุระกิจของธนาคาร  เข้าไปศึกษาเพียงเดือนเดียวก็พบจุดอ่อน  ผมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคารกรุงเทพโดยจัดทำหลักสูตรการสืบสวนเบื้องต้นสำหรับพนักงานธนาคาร  ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก  เดินสายอบรมแนะนำเทคนิคต่างๆ เช่นการตรวจเอกสารปลอมแปลง  บัตรประจำตัวปลอม  การสังเกตและจับพิรุธผู้กระทำผิด  ทำคู่มือแจกพนักงาน  ได้ผลมีการตรวจพบและจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงได้หลายสิบราย  เชื่อหรือไม่การทุจริตโกงเงินร้อยล้านพันล้านเริ่มต้นจากเอกสารชิ้นเล็กๆ บัตรประจำตัวปลอม เอกสารการจดทะเบียนปลอม นำมาใช้ในการเปิดบัญชี  ผู้ที่มาเปิดบัญชีส่วนมากถูกหลอกโดยมีแก๊งคนร้ายอาชีพจัดทำเอกสารให้  ส่วนใหญ่เป็นพวกต่างจังหวัดที่เข้ามาหางานตามสถานที่รับสมัครคนทำงาน  ซ้อนแผนให้ดีสามารถตามรวบได้ถึงตัวการใหญ่  ผลงานการป้องกันและปราบปรามเป็นที่ทราบในกลุ่มธนาคารซึ่งขณะนั้นธนาคารไทยมีอยู่เพียง 16 ธนาคาร รวมตัวตั้งเป็นชมรมเชิญผมไปบรรยายพิเศษ  งานที่โดดเด่นอีกเรื่องคือสามารถติดตามจับแก๊งคนร้ายที่ปลอมแปลงบัตร ATM โกงเงินจากเจ้าของบัญชี หลายธนาคาร หลายบัญชี โดยเจ้าของบัญชีไม่รู้ตัว  ใช้วิธีตอดนิดตอดหน่อย เอาเงินออกทีละน้อยๆไม่เอาหมดแต่เอาเรื่อยๆ  ยอดเงินเสียหายไปหลายสิบล้าน (ท่านเคยตรวจสอบความเคลื่อนไหวเงินในบัญชีของท่านบ้างไหม ถ้ามันหายไปสักเดือนละพัน,สองพันบาทจะรู้ไหม)  งานนี้ได้รับรางวัลไปสองแสนบาทพร้อมหนังสือชมเชย

ที่เล่ามานี่เพียงจะบอกว่าพวกเราตำรวจทุกคนล้วนมีวิทยายุทธ  อยู่ในกลุ่มเดียวกันต่างคนต่างก็มีความสามารถมันเลยดูเป็นธรรมดา พอๆกันไปหมดไม่เด่น  แต่พอไปอยู่ต่างหน่วยงานต่างสถานที่ งัดวิทยายุทธมาใช้อาจกลายเป็นดาวเด่นไปก็ได้  ผมเอาวิชาสืบสวนง่ายๆไปใช้ที่ธนาคาร  หน่วยงานใดมีการทุจริต มีการโกงเกิดขึ้นรู้ เดี๋ยวเดียวก็จับได้  พนักงานด้วยกันงง ผู้บริหารชมเชย  ก็มันจะไปยากอะไร  ผมทำงานที่สำนักงานใหญ่ถนนสีลมอาคารสูง 30 ชั้น  สมัยนั้นยังไม่มีโทรมือถือ  การติดต่อสื่อสารกันต้องใช้โทรพื้นฐาน ผ่านศูนย์ของธนาคารฯ   โทรศัพท์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุจริตถูกดักฟัง  การข่าวเป็นหัวใจของการสืบสวน   การทำงานของผมจึงง่ายขึ้น  ส่งผลให้พนักงานของธนาคารฯถูกส่งเข้าไปอยู่ในคุกหลายคดี  ไม่ต่ำกว่า 10 คน  หวังว่าคัมภีร์เล่มนี้คงจุดประกายแนวคิดให้กับเพื่อนตำรวจที่ทำงานแบบชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พยามอย่าให้มันขาดลงมาเป็นดี  แต่ถ้าพลั้งพลาดต้องออกก็อย่าไปเสียดายกับสิ่งที่หลุดลอยไปแล้ว  มีวิชาอยู่กับตัวหาเอาใหม่ข้างหน้า

ฉบับต่อไปถือว่าเป็นศาสตร์เลยทีเดียว “ออกได้ ก็ต้องเข้าได้”  ผู้พลั้งพลาดหลายคนบากบั่นไปถาม  ไม่ต้องไปตามหาผมแล้วขี้เกียจเล่าซ้ำซาก  ติดตามอ่าน.

ท่านที่ติดตามอ่าน สามารถเข้าไปอ่านที่ http://www.angkul007.com ได้โดยตรงแล้ว

ขี้เอาเคล็ด

ใครถูกขโมยขึ้นบ้านมักจะพบว่าคนร้ายถ่ายอึไว้ด้วย  เจอแบบนี้บ่อยๆเลยเหมาว่าเป็นการ “ขี้เอาเคล็ด” เจ้าทรัพย์บางรายนอนหลับเป็นตายก็หาว่าโดนลมยา ความจริงไม่ใช่  อ่านแล้วจะได้ความรู้เกี่ยวกับโจร

ตังกวย สายลับคนแรกรู้จักกันสมัยผมยศร้อยตำรวจตรีอยู่ สภ.เมืองนครปฐม  ถูกจับพร้อมอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ของผู้อื่น ตังกวยเลือกกินของถูกในข้อหารับของโจรเพียงหกเดือนก็พ้นโทษ  ความที่ถูกอัธยาศัยกันตอนที่โดนขังที่โรงพักพอพ้นโทษก็มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์  ตังกวยเป็นหัวหน้าแก๊งตัดช่องย่องเบา มีสมัครพรรคพวกเป็นสิบ  ได้ความรู้เรื่องของโจรหลายเรื่อง

“จูล่ง”  คือเครื่องมือที่ใช้ในการสะเดาะกุญแจ เป็นเหล็กกล้าแบนๆ ส่วนปลายจะแหลมเลียว ค่อยๆโค้งงอคล้ายกับเคียวเกี่ยวข้าวแต่หนาและแข็งกว่า  การทำงานของ จูล่ง ใช้หลักคานดีดคานงัด เอาส่วนปลายจิกเข้าไปในช่องว่างระหว่างขอกุญแจกับตัวกุญแจแล้วค่อยๆเพิ่มแรงดันเข้าไป ขอกุญแจก็จะหลุดออกจากตัวกุญแจอย่างง่ายดาย  ตำรวจบางคนไม่รู้จัก จูล่ง เคยมีตำรวจตั้งด่านตรวจพบเครื่องมือนี้ตังกวยแก้ตัวว่าเป็นเครื่องมือสำหรับเปลี่ยนยางรถยนตร์จึงรอดการตรวจของด่านไปได้  อุปกรณ์สำคัญอีกอย่างคือคีมตัดเหล็กขนาดสี่หุนมีสองขา ไว้ใช้สำหรับตัดกัญแจในกรณีที่ใช้จูล่งไม่ได้ผล จะต้องเตรียมแป๊บน้ำโลหะไปด้วยอีกสองอันเพื่อสวมขาคีมตัดให้ยาวขึ้น ทำให้มีแรงสำหรับโน้มกดเวลาตัดกุญแจ

ความฉลาดของโจรงัดแงะก็คือจะเตรียมกุญแจติดตัวไปอีกดอก  หลังจากที่ตัดกุญแจเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านแล้ว เมื่อออกจากบ้านก็จะนำกุญแจดอกใหม่ใส่แทนไว้ให้  เจ้าทรัพย์รู้ตัวตื่นขึ้นมาเห็นหลังคนร้ายไวๆแต่ไม่สามารถติดตามได้เพราะติดกุญแจ กลายเป็นถูกคนร้ายขังไว้ในบ้านตนเอง

เครื่องมืองัดแงะที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ไขควงปากแบนความกว้างประมาณ 1 เซ็นต์ ยี่ห้อแชมเปี้ยนดีที่สุด เอาไปเผาไฟร้อนตีให้แบนลงไปอีกแล้วรีบจุ่มน้ำ วิธีนี้จะทำให้ส่วนปลายแข็ง  รีดส่วนปลายให้บางเพื่อสะดวกในการแหย่งัดประตูหน้าต่าง  แหย่เข้าไปลึกมากเท่าไหร่ยิ่งจะมีแรงงัดมากเท่านั้น  ตัวไขควงตีให้โค้งงอเพื่อให้มีมุมกว้างเวลางัด  ส่วนของประตูหน้าต่างที่บอบบางที่สุดคือตะปูที่ยึดกลอน(สำหรับประตูหน้าต่างที่เป็นไม้)  ถ้าไปเจอไขควงลักษณะนี้ที่ใดก็ทราบได้เลยว่าเป็นอุปกรณ์งัดแงะ

สำหรับประตูเหล็กยืดหรือประตูเหล็กม้วนหากเป็นกุญแจรูแบนพวกโจรก็มีกุญแจผีไขออกง่ายดาย  ที่โจรกลัวคือกุญแจยูเนี่ยนที่รูกุญแจเป็นสี่แฉกยังไม่มีกุญแจผี  ก่อนโจรกรรมพวกโจรจะขับรถตระเวณตามหมู่บ้านต่างๆ  บ้านไหนชอบนอนเปิดหน้าต่างจะหมายตาเป็นอันดับแรก  บ้านไหนมีเหล็กดัดผ่านไปก่อนโจรไม่ชอบเพราะเสียเวลาตัดเหล็ก  ผ่านไปเข้าบ้านอื่นมีให้เลือกเยอะ  มีหมาเฝ้าบ้านก็ไม่กลัวจะเตรียมลูกชิ้นเนื้อปิ้งหอมๆยัดสติ๊กนินไว้ข้างใน  ขับรถผ่านรอบแรกหมาส่งเสียงเห่าขรมก็โยนลูกชิ้นเข้าไปสัก 5-6 ลูก  กลิ่นชิ้นปิ้งหอมหวลดีนักหมาจมูกไวเดี๋ยวก็มางับ  ทิ้งเวลาสักครึ่งชั่วโมงขับรถวนมาอีกครั้งเงียบกริบก็เข้าปฏิบัติการได้เลย

สิ่งที่โจรกลัวอีกอย่างคือบ้านที่ติดสัญญาณกันขะโมย บ้านที่ติดกล้องวงจรปิด  ถ้าโจรรู้ก็จะเลี่ยงไปเข้าบ้านอื่นแทน  รั้วกำแพงบ้านก็สำคัญ ไม่ทราบความประสงค์เจ้าของบ้านทำเพื่อสวยงามหรือป้องกันขะโมย  บางบ้านทำรั้วสูงแต่มีรอยบาก รอยหยัก สะดวกแก่การวางเท้าเวลาปีน แถมเสริมเหล็กไว้ข้างบนเพื่อให้โจรใช้เป็นที่เหนี่ยวรั้งในการปีน  รั้วกำแพงที่ปีนยากคือแบบเรียบๆและสูง  ที่กลัวไม่อยากเข้าคือบ้านที่ติดลวดไฟฟ้าแรงสูงไว้เหนือกำแพงแต่ก็มีจุดอ่อนอีกเพราะช่วงเหนือประตูทางเข้าไม่ได้ติดเอาไว้ด้วยคนร้ายเลยปีนตรงประตู  ป้องกันดีที่สุดคือการติดสัญญาณกันขะโมยครับ

หมู่บ้านที่มีระบบรักษาความปลอดภัย มี รปภ.ทางเข้า-ออก รถเข้าต้องแลกบัตรก็ยังโดน  บางหมู่บ้านเขี้ยว จะไปพบใครต้องให้รอ ขอโทรเข้าไปประสานคนในบ้านก่อน  บางหมู่บ้านมีเอกสารให้ไปด้วยเพื่อให้เจ้าของบ้านที่ไปพบเซ็นชื่อนำมาส่งตอนกลับ  เป็นเพราะหมู่บ้านเหล่านี้โดนซะจนเข็ด  ก็พวกโจรนั่งรถปิกอัพเข้าไปแล้วทิ้งลูกสมุนลงปฏิบัติการ ส่วนรถปิกอัพขับออก นัดแนะเวลาแล้วขับเข้าไปรับอีกครั้ง แค่นี้ก็หลอก รปภ.ได้แล้ว  วิธีการนี้เข้าตอนกลางวัน หมู่บ้านใหญ่ๆ เข้าไปแล้วกดออด  บ้านไหนมีคนออกมาก็อ้างว่าจำบ้านผิด  บ้านไหนปิดบ้านทิ้งไว้ไม่มีคนอยู่โดน

ถามเรื่องการ “ลมยา” ผู้เสียหายที่โดนย่องเบามักจะบอกว่า “นอนหลับเป็นตายสงสัยโดนลมยา”  ตังกวยซึ่งเคยย่องเบามาหลายสิบปีบอกว่าไม่เคยใช้และไม่เคยเห็นมีโจรกลุ่มไหนใช้  หลักจิตวิทยาง่ายๆ บ้านไหนมีเด็กกับคนแก่จะพยายามหลีกเลี่ยง  เด็กชอบตื่นไม่เป็นเวลาและตื่นบ่อย  คนแก่มักจะตื่นกลางดึก  เวลาที่โจรย่องเบาชอบเข้าคือตอน ตี3 ช่วงนี้แหละที่หลับเป็นตาย  เคล็ดลับอีกอย่างคือพวกโจรจะหลีกเลี่ยงพวกกลิ่นน้ำหอมจากโลชั่นและเครื่องประทินผิวต่างๆ  ถ้ามีกลิ่นน้ำหอมติดตัวไปแม่แต่น้อยนิดเจ้าทรัพย์ที่กำลังหลับสนิทจะทำจมูกขยุบขยิบ ดีไม่ดีพาลตื่นเอาดื้อๆเพราะมีกลิ่นแปลกปลอม  ก่อนเข้าปฏิบัติการพวกโจรงัดแงะจึงต้องสระผมชะล้างกลิ่นครีมหรือโลชั่นออกให้หมด ใช้เสื้อซักใหม่ที่ไม่มีกลิ่น  เมื่อเข้าไปในบ้านเจ้าทรัพย์ได้แล้วพวกโจรก็ยังมีระบบความปลอดภัย  ถ้าเข้าห้องนอนตังกวยจะทำหน้าที่ยืนคุมที่หัวนอนพร้อมไม้หน้าสาม  ลูกน้องจะหยิบฉวยเฉพาะของมีค่าชิ้นเล็กๆ  ของใหญ่ที่ต้องแบกหามไม่เอา  การปฏิบัติการต้องไร้เสียง  ถ้าเจ้าทรัพย์หูไวรู้สึกตัวตื่นก็จะผงกศีรษะ หน้าที่ของตังกวยก็จะประเคนด้วยไม้ที่เตรียมมา แล้วทุกคนก็เผ่น  แต่ถ้าหากปฏิบัติการห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องนอนก็จะสังเกตแสงไฟและเสียงร้อง เจ้าทุกข์ส่วนใหญ่ถ้ามีเสียงปกติเกิดขึ้นในบ้านจะลุกขึ้นเปิดไฟฟ้า พอตั้งสะติได้ก็จะร้องตาม “ขะโมยๆ” นั่นแหละเป็นสัญญาณบอกให้คนร้ายหนี

ส่วนเรื่องการ “อึ” ตังกวยบอกว่าจะเข้าไปย่องเบาทีไรก็กลัวทุกครั้ง  กลัวเจ้าของบ้านตื่น กลัวถูกจับ ความกลัวทำให้อึไหล ต้องอึทุกครั้ง ส่วนมากจะอึกันข้างนอกบ้านที่จะเข้าแต่พวกมือใหม่ๆขนาดอึกนอกบ้านแล้วยังไปปวดในบ้านเจ้าทุกข์อีกก็เลยต้องปล่อยออก  มันก็คือเรื่องของวิทยาศาสตร์ เป็นปฏิกิริยาของการเกิด “เอ็กไซด์” หรือ “ตื่นเต้น” นั่นเอง

ตังกวยพาสมัครพรรคพวกมาฝากเนื้อฝากตัวหลายคน แต่ละคนล้วนมีวิทยายุทธเฉพาะด้าน  สงัดฯ สามารถพริ้วกายเข้าช่องเล็กๆได้,โพธิ์ฯร่างบึกบึนพร้อมชนเมื่อเจ้าทุกข์สู้,สมัยฯสูงใหญ่ขับรถอึด ถนัดแบกหาม,ก๊กเฮงฯจอมงัดแงะ,สำรวยฯถนัดขะโมยรถ,ประสาทฯและทองปลิวฯลูกมืองัดแงะ,ทวีเซ็นฯตัดเศียรพระพุทธรูป ฯลฯ ถูกยิงตายซะส่วนใหญ่ หายสาปสูญก็มี เหลืออยู่ก็ “ตังกวย” เลิกเดินสายโจรอย่างเด็ดขาด ประกอบอาชีพสุจริตขายก๋วยเตี๋ยวผัดไทอยู่หน้าวัดลำลูกบัว ดอนตูม นครปฐม “เจ๊แอ๊ดโภชนา”  ภรรยาเป็นคนผัดฝีมือไม่เบา  ผ่านเส้นทางนี้อย่าลืมแวะทาน

รู้เท็คนิคการทำงานของตำรวจมาเยอะแล้ว รู้ทางโจรไว้บ้างก็ดี  รู้แล้วก็หาทางป้องกันนะครับ.

ยิงแม่งเลย

               ครั้งที่อยู่กองสืบสวนนครบาลใต้ไปไหนต้องมีมือปืนไปด้วย ตำรวจนะไม่ใช่โจร เป็นมือวิสามัญคนหนึ่งของกองฯ (ต้องใช้คำว่า “คนหนึ่ง” เพราะแต่ละกองฯมีมือ “วิฯ” หลายคน แล้วก็มีกันทุกกองด้วย) เลือกคนที่รู้ใจเข้าขากันทำหน้าที่เป็นพลขับเวลาออกปฏิบัติงาน  คุณสมบัติพิเศษชักปืนไวใจถึง  ประจัญหน้าโจรถ้าฮึดสู้เป็นยิง  ผู้นี้ไม่เคยซ้อมยิงเป้านิ่งแต่เวลายิงโจรไม่เคยพลาด  อาวุธปืนประจำกายก็แสนจะธรรมดาๆ รีวอลเวอร์ขนาด.38 เรื่องพรรค์นี้มันอยู่ที่ใจ  ก่อนจะอยู่กับผมเคยขับรถให้เจ้านายมาก่อน  ต่อมาเจ้านายย้ายเลยฝากไว้  เคยเห็นฝีมือครั้งสมัยขับรถให้นาย  ไปล้อมจับโจรคดีปล้นฆ่าแถวทุ่งมหาเมฆ โจรเปิดฉากยิงสู้แล้วหนีเข้าที่กำบัง  สมัยนั้นยังเป็นพงหญ้ารกบ้านเรือนไม่หนาแน่น  เสียงปืนเงียบแต่ยังวางใจไม่ได้โจรอาจเหลือกระสุนสักนัดเพื่อวินาทีสุดท้าย  ตำรวจกระจายกำลังค้นหา  ทันใดก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก  เจ้าของเสียงยืนจังก้าบนกำแพงโรงงานไม่ใช่ใครอื่นพลขับผมเอง  ยิงแล้วหายตัวปล่อยให้เจ้านายต้องปวดหัวกับการแก้วิถีกระสุนที่เข้ากลางกระหม่อมเพราะโจรหมอบอยู่ที่พื้นข้างกำแพง  ชอบที่เป็นคนใจถึง  การยิงคนไม่ใช่จะยิงกันง่ายๆ ไม่ใช่ใครๆก็ยิงได้  เห็นมาแล้วหลายรายเก่งแต่ยิงเป้ากระดาษพอให้ยิงคนถอยห่าง  จึงต้องมีการปั้นมือวิสามัญหน้าใหม่ๆขึ้นมา  ยิงครั้งแรกบางคนลากแตกลากแตน  พอผ่านสักครั้งแล้วติดใจอยากลองอีกต้องคอยห้าม  มันเหมือนกับเสพติดเจอโจรเป็นยิง  บ่อยเข้าๆกลายเป็นมือปืนรับจ้างไปก็มี

               ผลงานสร้างชื่อตอนไปตามล่ามือปืนฆ่า “หม่อมแสง” มือปืนรายนี้คือ “นายประไพ พันตรี” มีหมายจับคดีฆ่า 2 ราย 2 ศพ  ไม่ยอมให้จับเป็น เปิดฉากดวลกันสนั่นกลางดึกที่หัวถนนพัฒนาการ  คนร้ายใช้ 11 มม. ฝ่ายมือปราบคืออดีตคนขับรถของผมกับ ร.ต.ท.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ (ยศขณะนั้น)  ภาพดวลปืนสวยงามมาก ยิงกันในระยะเผาขน  ช่างภาพ นสพ.ไทยรัฐมือดีจับภาพไว้ได้ ภาพนี้ประกวดได้รางวัลพูลลิซเซอร์ (ติดตามอ่านละเอียดได้ใน เด็ดหัวมือปืนฆ่าหม่อมแสง ใน  www.angkul007.com)

               คราวไปตามจับแก๊งขโมยรถที่ชลบุรี ระหว่างพักทานกลางวันร้านอาหารป่ามีชื่อที่หนองซาก  เป็นธรรมดาของร้านอร่อยคนจะเต็ม  พวกเราประมาณแปดคนนั่งรวมโต๊ะใหญ่  รสชาดอาหารถึงใจเหงื่อแตกซิกเพราะไม่มีแอร์  ทันใดเสียงปืนแผดดังหูชาเพราะเล่นยิงข้ามหัวห่างเพียง 2 วา หันไปดูเห็นมือปืนเป็นชายวัยรุ่นประทับปืนสองมือเล็งไปที่โต๊ะข้างๆ  เป้ากระสุนเป็นชายหนุ่มเลือดสาดลงไปนอนดิ้นกับพื้น  เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุเฉพาะคหน้าแต่เชื่อหรือไม่ตำรวจแปดคนไม่มีใครพกปืนติดตัว เอาไว้ที่รถเพราะนอกเครื่องแบบพกปืนแล้วน่าเกลียด  ฉับพลันทันใดไม่ต้องมีใครสั่งทุกคนร้องฮือแล้วลุกขึ้นจะเอาเรื่อง  มือปืนวิ่งหนีคนมือเปล่า (โถ ก็มันเป็นปืนลูกซองพกบรรจุทีละนัด ขืนมัวบรรจุนัดใหม่โดนตืบตายก่อน) คนร้ายวิ่งไปที่มอเตอร์ไซด์จอดหน้าร้าน พวกเราวิ่งตาม ไม่ได้วิ่งไปจับแต่ไปเอาปืนที่รถจอด  โจรดวงซวยมอเตอร์ไซด์เครื่องดับทิ้งรถวิ่งหนีเข้าดงอ้อยห่างจากร้านไปประมาณร้อยเมตร  ไร่อ้อยสูงท่วมหัวเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 10 ไร่  พวกเรากระจายล้อมดงอ้อยยิงปืนขึ้นฟ้าพร้อมตะโกนให้มอบตัว  มือปืนจนตรอกยังไม่ยอมออกมา  พวกเรากระชับพื้นที่ตีวงล้อมให้แคบเดินลุยดงอ้อย ยิงขู่ขึ้นฟ้าโดยเปิดทางให้ออกด้านถนนซึ่งเป็นที่โล่ง  เวลายิ่งผ่านไปนานไทยมุงบนถนนเกือบร้อย  อึดใจต่อมาวงล้อมแคบเข้าๆ  เสียงปืนยิงไล่ยังคงดังไม่ขาดสาย  ผมยืนสั่งการอยู่ทางด้านถนนโดยมีพลขับประกบอยู่ข้างๆ  ทันใดมือปืนก็โผล่จากไร่อ้อยทางด้านที่ผมยืนพร้อมชูมือทั้งสองเหนือศีรษะแต่มือขวายังกำปืนอยู่ปากก็ตะโกน “ผมยอมครับๆ”  พลขับที่ยืนอยู่ข้างๆกระตุกรีวอลเวอร์ “ยิงแม่งเลย”  ผมตะโกนสุดเสียง “ ไอ้….อย่า” ได้ผลพลขับยอมฟัง  มือปืนดวงดีเลยรอดตายถูกนำส่งดำเนินคดีที่สถานีตำรวจท้องที่ในข้อหา “พยายามฆ่า” สอบถามแล้วผู้ถูกยิงยังไม่ตายถูกนำส่งโรงพยาบาล

               หลังเกิดเหตุพลขับถามผมว่า “นาย ห้ามผมไว้ทำไม” ผมบอก “ไอ้บ้า ข้างหลังกูมีคนดูอยู่เป็นร้อย”  การยิงโจรหรือที่เรียกว่า “วิสามัญฆาตรกรรม” เป็นการตายโดยเจ้าพนักงานซึ่งปฎิบัติการตามหน้าที่หรืออ้างว่าปฏิบัติการตามหน้าที่ ถือว่าเป็นการป้องกันตัวเพื่อให้พ้นจากพยันตรายที่ใกล้จะถึงและจะต้องไม่เกินกว่าเหตุ  แต่สำหรับรายนี้ถ้าจะทำวิสามัญก็สามารถทำได้เพราะขณะนั้นคนร้ายยังถือปืนอยู่ในมือ  ปืนเป็นอาวุธร้ายแรงตราบใดที่อาวุธปืนยังอยู่ในมือคนร้ายถือได้ว่าพยันตรายยังคงมีอยู่  การทำงานด้านปราบปรามมันก็ต้องมีคุณธรรมในใจบ้าง  ผมได้ช่วยชีวิตคนในลักษณะนี้หลายรายหลายคน น่าเป็นผลบุญผลกรรมที่ทำให้ผมยังมีสภาพสุขสมบูรณ์อยู่ได้จนทุกวันนี้

               อีกรายที่ผมได้ช่วยชีวิตคนไว้แบบเนื้อๆเลย  สมัยที่โจรมอเตอร์ไซด์ออกอาละวาด คอยขับรถตามผู้เบิกเงินสดจากธนาคารแล้วหาโอกาสชิงทรัพย์ระหว่างที่ผู้เสียหายเดินทาง  ผลงานของกองสืบสวนนครบาลใต้ สืบจนทราบว่าทำกันเป็นขบวนการ โจรในคราบผู้ดีจะเข้าไปทำธุระกรรมในธนาคารแล้วสังเกตผู้ที่มาเบิกเงินสดครั้งละมากๆ  เวลาเดียวกันโจรอีกชุดจะเตรียมมอเตอร์ไซด์คอยอยู่ใกล้ๆธนาคาร  เมื่อผู้เบิกเงินเสร็จกิจออกจากธนาคารโจรผู้ดีก็จะตามดูว่าผู้เบิกเงินเดินทางกลับอย่างไรแล้วส่งข่าวให้ชุดมอเตอร์ไซด์ติดตาม  ต่อไปก็จะเป็นหน้าที่ของชุดโจรมอเตอร์ไซด์คอยขับขี่ติดตามเมื่อได้จังหวะเหมาะก็จี้ชิงทรัพย์ ถ้าเจ้าทรัพย์ต่อสู้ขัดขืนก็ยิง  คดีเกิดบ่อยมากมีเกือบทุกวัน  พอสืบรู้พวกเราก็ตามกัน  คนร้ายออกจากบ้านพวกเราสกดรอยตาม กะให้ได้หลักฐานคาหนังคาเขา  คนร้ายปฏิบัติการที่ธนาคารกรุงเทพจำกัดสาขาถนนตะนาว  พวกเราแบ่งกำลังเป็นสองส่วน  สารวัตรชาลีฯกับพวกติดตามชุดโจรมอเตอร์ไซด์  ส่วนผมกับกำลังอีกส่วนตามชุดโจรผู้ดีซึ่งเป็นชายหญิงสามีภรรยา  ตามตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงธนาคาร  เข้าออกหลายธนาคารจนสุดท้ายที่ถนนตะนาว  ได้เหยื่อเป็นสภาพสตรีวัยกลางคนเบิกเงินสดปึกใหญ่  ชุดชี้เป้าตามเหยื่อออกจากธนาคารส่งสัญญาณให้ชุดโจรมอเตอร์ไซด์ตามต่อ  เสร็จแล้วสามีภรรยาคู่นี้ก็นั่งรถเก๋งไปคอยที่จุดนัดพบ  ต่อมาก็ได้รับแจ้งว่าชุดโจรที่ติดตามผู้เบิกเงินได้เข้าชิงทรัพย์ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  ชุดของสารวัตรชาลีฯเข้าจับกุมปะทะกับโจรมอเตอร์ไซด์ โจรตาย 2 ศพ  ผมนำกำลังบุกเข้าจับโจรผู้ดีขณะรออยู่ในบ้านซอยหัสดิน ถนนศรีอยุธยา  เหตุการณ์ในบ้านไม่สามารถบรรยายโดยละเอียดได้  เพียงสรุปว่าผมได้ช่วยชีวิตคนไว้ถึง 3 คน คือสามีกับภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ (รวมลูกในท้องก็เป็นสาม)  หลังจากนั้นเป็นเวลามากกว่า 10 ปีผมได้พบชายผู้นี้อีกที่ศาลอาญา  ผมจำหน้าได้เพราะก่อนจับกุมเฝ้าติดตามมาหลายเดือน  ผมแนะนำตัวเองและบอกว่าเคยได้ช่วยชีวิตเขาภรรยาและลูกไว้  เขาจำได้พร้อมยกมือไหว้แล้วขอบคุณ  ไม่มีอะไรที่มีความสุขเท่ากับได้ช่วยชีวิตคนและผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือก็ทราบถึงการช่วยนั้น  มีอีกหลายชีวิตที่ผมได้ช่วยเอาไว้ บางเหตุการณ์ไม่อาจนำมาเล่าได้ จนในที่สุดก็พบว่าตัวเราคงไม่เหมาะที่จะทำงานฝ่ายสืบสวนปราบปรามอีกต่อไป  จึงได้เปลี่ยนแนวการทำงานตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

               ส่วนมือวิสามัญของกองสืบสวนนครบาลใต้ผู้นี้หลังเกษียณอายุราชการได้ไปประกอบอาชีพส่วนตัว มีกิจการรับซื้อผักสดที่ตลาดปากคลองตลาดส่งขายตามโรงแรมและซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ๆ ธุระกิจเจริญก้าวหน้า  เมื่อไม่กี่ปีมานี้ก็ได้ทราบข่าวว่าได้ปลิดชีวิตตัวเองด้วยปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้สังหารโจร ผู้นี้ก็คือ ร.ต.ต.เชื้อ รอดบำรุง ขอให้ชีวิตจงไปสู่สุขคติเถิด.