คำว่าเกษียณอายุ ข้าราชการทุกคนจะต้องพบกับคำ ๆ นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ หลายคนบ่นว่า อยากเกษียณเร็ว ๆ จะได้สบาย เพราะขณะรับราชการงานเยอะมาก เดี๋ยวก็ประชุมเดี๋ยวก็งานด่วน เดี๋ยวก็ระดมกำลัง บางคนก็ไม่อยากให้ถึงวันเกษียณ เพราะทำใจยังไม่ได้ จริงครับชีวิตหลังเกษียณกับก่อนเกษียณเปลี่ยนแปลงรุนแรง เหมือนกับที่หลายคนเปรียบว่า “จากหน้ามือเป็นหลังเท้า” รุนแรงอย่างไร ติดตามการถ่ายทอดความรู้สึกจากผมผู้มีประการณ์ตรง ก่อนเกษียณอายุ 1 ปี มีผู้หวังดีซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ที่เกษียณแล้ว แนะนำว่าช่วงเกษียณควรหาอะไรทำ อย่าอยู่เฉย ๆ จะเหงา ญาติผู้ใหญ่ผมคอยให้กำลังใจว่า ชีวิตจริงเริ่มต้นหลังเกษียณอายุ ผมเห็นหลายคนไปนั่งทำงานเป็นที่ปรึกษาบริษัท บางคนทำสวน บางคนเข้าก๊วนเล่นกอล์ฟ ในขณะเดียวกันผู้ที่ยังไม่เกษียณอายุราชการกลับมองว่า การที่ไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทไม่บังควร ไม่เหมาะสม เพราะนั่งรับราชการตำแหน่งใหญ่โต แต่พอเกษียณแล้ว ต้องไปเป็นลูกจ้าง ทำให้เสียเกียรติภูมิ ผมเป็นผู้หนึ่งที่ไม่เห็นด้วยว่าเกษียณแล้วจะต้องไปเป็นลูกจ้างใคร เพราะทำงานช่วยเหลือสังคมมาเต็มที่แล้ว ควรจะได้พักผ่อนบ้างแต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผมเคยจัดงานเกษียณให้รุ่นพี่ ๆ หลายครั้ง โดยผมเป็นหัวโจก พยายามคิดหารูปแบบทำอย่างไรจะให้ซาบซึ้ง สร้างความกดดันให้ผู้เกษียณน้ำตาซึม ซึ่งผมก็สามารถทำได้ทุกครั้ง แต่ตอนผมจะเกษียณ ผมบอกกับลูกน้องว่า ไม่ต้องจัดให้ผม โดยผมจะขอจัดเองในรูปแบบของงานเฉลิมฉลอง เลี้ยงเพื่อนฝูง ลูกน้อง เพื่ออำลาชีวิตราชการ จึงเป็นที่มาของงาน “อำลา – อาลัย สไตล์คอนเสิร์ต” เป็นคอนเสิร์ตย้อนยุค Nineteen Sixty ผมแสดงเองด้วยในชุด Elvis Presley แจกรางวัลของขวัญมากมาย คนมาร่วมงานประมาณ 600 คน ชื่นมื่นกันทั่ว ไม่มีการซาบซึ้งจนน้ำตาไหล ความเครียด ความกังวลเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ เจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน ของหน่วยงานของผมได้ขอพบ พร้อมเอกสารปึกโต ความหนามากกว่า 1 นิ้ว ให้ผมชี้แจงตอบถึงสรรพสิ่งของที่ขาดหาย การปฏิบัติงานต่าง ๆ ที่ไม่ถูกต้อง และจะต้องมีการชดใช้เงินคืนหลวง (การรับมอบตำแหน่งหลัก ๆ จะต้องรับมอบสิ่งของหลวง ของกลาง ซึ่งความจริงแล้วก็รับต่อ ๆ กันมา ไม่ได้ตรวจสอบให้ถูกต้องกันเท่าไร) ความเครียดเกิดขึ้นทันที ผมรู้สึกหูอื้อ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ผลปรากฏว่าหูข้างซ้ายการได้ยินเสียไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เกษียณแล้วผมพักอยู่บ้านเฉย ๆ ตั้งใจจะนอนพักให้คุ้ม ไม่ต้องมีใครมาเป็นนาย แต่พอสัก 2 – 3 เดือนต่อมาความวิตกกังวล ความหงุดหงิดเริ่มมา มีความรู้สึกว่าตนเองเข้าสู่บั้นปลายชีวิต พูดง่าย ๆ ว่าใกล้ตายเข้าไปทุกที คอยจะนึกถึงความรู้สึกว่าคนใกล้ตายจะนึกคิดอย่างไรบ้าง คงจะเป็นห่วงและกังวลคนที่อยู่แทนที่จะห่วงตนเองซึ่งใกล้จะตาย เวลาเดียวกันก็คิดกังวลว่าถ้าคนที่เรารักหรือใกล้ชิดตายไป เราคงจะคิดถึง เศร้าโศกโหยหา ทุกอย่างนี้คือความวิตกกังวลพาลจะเป็นบ้าเอา เหตุเพราะว่างเกินไป ผมหยิบเอกสารแนะนำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้กับผู้เกษียณอายุมาอ่านมีข้อความแนะนำว่า ความตายเป็นสิ่งไม่แน่นอน ให้เตรียมหลักฐานสำคัญต่าง ๆ อะไรที่ปกปิดลึกลับไม่เคยบอกใคร ให้จัดเตรียมไว้ -2-เวลาตายลูกหลายหรือคนใกล้ชิดที่ยังอยู่จะไม่เดือดร้อน (ทำยังกับว่าคนที่เกษียณ คอยเตรียมตัวตายได้แล้ว) ผมรีบทำตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแนะนำ พร้อมกับบอกเมียและลูกว่า หากผมตายเมื่อใด ให้นำเอกสารชุดเตรียมการก่อนตายออกมาดู จะไขปัญหาทั้งหมด มาถึงตอนนี้อยากจะแนะนำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือรัฐบาลว่า ก่อนเกษียณอายุราชการ 1 ปี อย่าให้ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่งหลักที่มีภารกิจหน้าที่มาก แต่ควรให้ไปอยู่ดำรงตำแหน่งรอง ๆ ที่ไม่มีภาระหน้าที่ หรือเปิดตำแหน่งพิเศษสำหรับผู้ก่อนเกษียณ 1 ปี เพื่อให้ปรับตัวปรับสภาพจิตใจ เพื่อมิให้เกิดภาวะ “หน้ามือเป็นหลังเท้า” อย่างที่ผมพูดในตอนต้น สิ่งที่เกิดกับตัวผมเอง กว่าจะทำใจได้ ต้องเสียเส้นผมบนกระบาลไปเกือบ 60% (ผมร่วงเพราะคิดมาก) ตอนนี้จิตใจสบายแล้ว ผู้ที่ให้กำลังใจก็คือเมียผม โดยเธอบอกว่าในช่วงผมรับราชการหลายสิบปี เมียผมอยู่บ้านคนเดียวกับลูก ก็มีความรู้สึกเช่นนี้ จนเธอต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่นี้ต่อไปเราสองคนจะเคียงคู่กันตลอด เหมือนปาท่องโก๋ ผมพยายามโทรหาเพื่อน ๆ ว่าหลังเกษียณแล้วทำอะไรกันบ้าง ก็พบว่า บางคนไปเป็นที่ปรึกษาบริษัท บางคนเล่นกอล์ฟ บางคนเล่นของเก่า เช่น รถยนต์เก่า บางคนฝึกสมาธิ บางคนเขียนหนังสือ บางคนทำสวน สรุปแล้ว อยู่ว่างไม่ได้ ฟุ้งซ่าน คิดมาก แล้วจะเป็นโรคซึมเศร้า พาลฆ่าตัวตายในที่สุด สำหรับผมตำแหน่งหน้าที่หลังเกษียณมีเยอะมากกว่าครั้งรับราชการ ตำแหน่งแรก เป็นประธานที่ปรึกษากองบังคับการตำรวจนครบาล 4 โดย พล.ต.ต.สงบ รอดประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งเคยเป็นลูกน้องเก่าของผม ท่านให้เกียรตินี้กับผม หน้าที่หลักก็คือ ช่วยดำเนินธุรกรรมเกี่ยวกับตำรวจ กองบังคับการนครบาล 4 ที่ตำรวจจริง ๆ ไม่สามารถจะออกหน้าได้ เช่น งานระดมหาทุน เพื่อสนับสนุนเข้าราชการตำรวจที่ทำความดี มีผลงาน งานแสดงพลังมวลชน งานที่เป็นปากเสียงต่อสาธารณะชน ตำแหน่งที่สอง คือ ประธานสภาวัฒนธรรมเขตประเวศ เป็นตำแหน่งแรกที่ผมต้องลงสนามเลือกตั้งแข่งขัน จากสมาชิกประมาณ 130 คน ผมได้รับเลือกเป็นประธานสภาวัฒนธรรมของเขต หน้าที่หลัก ๆ ก็คือ ต้องการให้มีการศึกษา พัฒนาวัฒนธรรมในท้องถิ่นกระตุ้นให้ประชาชนในท้องถิ่นมีบทบาท และมีส่วนร่วมในการดำเนินงานวัฒนธรรม โดยจัดตั้งกองทุนส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงาน ให้เกิดขบวนการผลิตของชุมชน ตำแหน่งที่สาม คือ นายกสมาคมพลังแผ่นดินต้านภัยยาเสพติด กรุงเทพมหานคร มีหน้าที่ในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดทุกรูปแบบ โดยการออกพบปะประชาชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ให้คำแนะนำ ตลอดจนบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด งานเสริมสร้างความรู้ให้กับประชาชน โดยจัดตั้งอาคารอเนกประสงค์ให้กับชุมชนเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติ จัดประชุมกลุ่มย่อย การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ห้องอ่านหนังสือสำหรับประชาชน ลานกีฬา สนามเด็กเล่น บนเนื้อที่ 1 ไร่เศษ เปิดรับบริจาคสิ่งของจากประชาชนทั่วไป เช่น เสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ หนังสือ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มีความต้องการ โดยในแต่ละเดือนจะจัดให้มีการพบปะประชาชนชน 1 ครั้ง ที่ศาลา-3-อเนกประสงค์ดังกล่าว จะมีการอบรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ เลี้ยงอาหารเด็ก ๆ จัดแสดงดนตรี เพื่อเป็นการบันเทิงแก่เด็ก ๆ พร้อมทั้งให้เด็กไปแสดงออก เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดความกล้าที่จะแสดงออก เกิดความรักใคร่สามัคคี รักพ่อ รักแม่ รักการเรียน และห่างไกลยาเสพติด ผู้สนใจที่จะบริจาคทรัพย์ หรือสิ่งของช่วยเหลือติดต่อได้ที่ โทร. 0-1821-2825 , 0-2736-2001 กด 0
ชีวิตหลังเกษียณ
เมษายน 13, 2007 โดย Asaloha
เขียนใน ชีวิตหลังเกษียณ | 9 ความเห็น
9 Responses
ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ
รอดไปแล้ว
- 1,287,768 ราย
- ยินดีต้อนรับท่านผู้มีความเสี่ยง
หมวดหมู่
- การเป็นเด็กวัด
- ขึ้นโรงพักระวังโดน
- คาถากัน"ตายโหง"
- คาถากันถูก "อุ้ม"
- ฆาตกรรมต่อเนื่อง
- ฆ่ายัดกระสอบ
- ฆ่ายัดเมรเผา
- ฆ่าห่อศพ
- ชีวิตหลังเกษียณ
- ญี่ปุ่น
- ตายอย่างหมาข้างถนน
- ตำรวจไม่ใช่เทวดา
- บุญมีแต่กรรมบัง
- ปาดคอสาวมินิมาร์ท
- พลังงานสกาล่า เพิ่ม
- พลังสกาล่าร์
- ภัยจากเครื่องดื่ม
- ภัยผู้หญิง
- มนุษย์มหาภัย มันมาก
- มหาภัยในโรงแรม
- มือปราบชาละวัน
- ยอดนักฉกกลางเวหา
- รปภ.โหดมือมีด
- รัสฌซีย ตุรกี
- รู้ไว้ไม่ตายโหง
- วิชานักสืบ
- วิชาโจร
- ศพเปลือย ฆาตรกรรมอำ
- สืบจากแตะ
- หญิงอกสามศอก
- หนามบ่งหนาม
- อุ้ม
- เฉียดตาย
- เฉียดตาย ๑
- เฉียดตาย ๒
- เด็ดปีกมังกร
- เพชรซาอุ
- เส้นทางตายโหง
- เหนื่อยตอนแก่
- โจรงัดเซฟ
- โจรดวงซวย
- โจรถ้ำมอง
- โจรไม่มีวัฒนธรรม
- โซนนิ่งหรือโซนเน่า
- ใครฆ่าห้างทอง
- Uncategorized
หน้า
ประเด็นล่าสุด
ขุดเรื่องเก่าขึ้นมาอ่าน
เสียงร้องจากผู้อ่าน
เม บน หมอทำเสน่ห์ยาแฝด | |
ศุภมินทร์ บน ตายอย่างหมาข้างถนน ภาค ๔ | |
ยุคล พงษ์ทอง บน ออกได้ก็เข้าได้ | |
ส.ต.อ สุวิทย์ .สภา บน ยิงแม่งเลย | |
คนโชคดีเลยมาบอกต่อ บน หมอทำเสน่ห์ยาแฝด | |
อาทิวราห์ บน ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ | |
ปวีณ์นุช บน ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ | |
คนใช้ถนน บน ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ | |
nattapong บน ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ | |
Suradech บน ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ | |
การ บน หมอทำเสน่ห์ยาแฝด | |
กร บน หมอทำเสน่ห์ยาแฝด | |
อ.งั้น บน หมอทำเสน่ห์ยาแฝด | |
เกศรินทร์ บน ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ | |
น้ำ บน หมอทำเสน่ห์ยาแฝด |
สาธุ ๆ
ผมก็รับราชการเหมือนกันครับท่าน แต่คงอีกนาน และคาดว่าคงได้อยู่เป็นข้าราชการหลังเกษียณเหมือนท่านผู้การเหมือนกัน เพราะได้อ่านเรื่องต่างๆที่ท่านผู้การเขียนไว้ จะได้ไม่ตายโหง ก่อนเกษียณอายุราชการครับ
ปล.อย่าว่าผมแช่งท่านเลยท่านสั่งเสียให้ลูกท่านด้วยนะครับ เวลาท่านจากไปให้ลูกหลานดูแล blog นี้หรือพิมพ์เรื่องใน blog นี่เป็นเล่ม (หรือท่านพิมพ์ไปแล้วเห็นบางคนที่ commnet ท่านว่าเคยอ่าน) เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้อ่านจะได้มีคนรอดเยอะกว่านี้ครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ ของท่านครับ
อิอิ
สาธุ ๆสาธุ ๆ
ท่านมีวาสนา ท่านมีโอกาส โปรดให้คำแนะนำผู้ที่ขาดโอกาสบ้าง …กลัวเหงา ….กลัวแก่….กลัวตาย…จ้า…..
ครูนา และ ท่านทั้งหลายที่กำลังจะเกษียณ
เตรียมตัวรับสภาพหลังเกษียณให้ดีนะครับ อย่าคิดว่าเกษียณแล้วจะนอนพักผ่อนให้สบาย ระวังโรคซึมเศร้าจะเข้ามาเกาะกิน ไม่เชื่อลองดู อะไรรู้ไหม ก็คนอื่นๆเขาออกจากบ้านไปทำธุระกิจ การงาน ท่านเฝ้าบ้านคนเดียวแล้วจะพบว่าไม่มีใครสนใจท่านเลย เหมือนถูกทอดทิ้ง นั้งนึกแต่ความหลัง ทำไมเมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ความเจ็บป่วย ความพิกลพิการ จะเข้ามาเยือน เช่น หูอื้อมีเสียงเริ่มได้ยินน้อยลง ปวดข้อ ปวดเข่า นัยตาฝ้าฟางเริ่มมองไม่เห็น ผู้ชายจะปัสสาวะไม่ออก ผมล่วง(ศีรษะล้าน) หนังเริ่มเหี่ยว แล้วก็จะแก่ลงๆๆ ในที่สุดก็ง่อยเปลี้ยเดินไม่ได้
ทั้งหมดเป็นเรื่องของธรรมชาติ ส่งสัญญาณให้ทราบว่าใกล้หมดอายุไข
วิธีแก้
๑.ทำใจให้ได้ก่อน ทุกชวิตมีความตายเป็นที่สุด ต้องตายทุกคน รวยจนก็ถูกนำไปเผา ไปฝังรวมที่เดียวกัน เตรียมพร้อมรับความตาย ความจริงเรื่องตายไม่ค่อยกลัว แต่ตอนก่อนตายมันต้องเจ็บ ต้องปวด ต้องพิการก่อนนี่ซิน่ากลัว
๒.เตรียมตัวตาย
– อะไรที่ค้างคายังไม่ได้ทำ หรือยากทำอะไรรีบทำเสีย อยากสั่งเสียลูกหลาน หรือมีความลับอะไรที่ไม่เคยบอกใครถ้าอยากจะบอกก็เขียนบันทึกไว้ เก็บไว้ให้ลูกหลานอ่านตอนเราตาย
– เตรียมสร้างนิมิตรก่อนตาย ผมศึกษาเกี่ยวกับการตายของคนอื่นๆมาหลายราย พบว่าในช่วงที่จะสิ้นใจ(รู้ตัวว่าตายแน่) ช่วงนั้นจะนึกถึงสิ่งไม่ดีๆที่ได้ทำไว้ แม้จะไม่ตั้งใจที่จะนึกถึงมันก็จะแว๊บเข้ามาเอง ลักษณะคล้ายจิตใต้สำนึก นิมิตรนี้เป็นส่วนหนึ่งของกรรมที่ได้ทำไว้ มันจะไปมีผลในชาติหน้า อย่าคิดว่าตายแล้วก็จบกันไป ทุกชีวิตมีเกิดใหม่ทุกวินาที ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรฉาน ทุกชีวิตล้วนมีจิตวัญญาณความรู้สึกนึกคิด แต่ทำไมชีวิตที่เกิดใหม่ไม่เหมือนกัน บางคนเกิดในตระกูลดี ร่ำรวย บางคนเกิดเป็นลูกขอทาน บางคนเกิดมาพิการ หรือเกิดเป็นสัตว์เดรฉาน อะไรกำหนด คำตอบก็คือ “ผลกรรม”ที่ทำไว้ สำคัญที่สุดก่อนจบชีวิตผูกพันเรื่องใดจะไปเกิดในเรื่องนั้น ฉนั้นจงเตรียมสร้างนิมิตรก่อนตาย คือทำแต่กรรมดี เช่น การทำบุญ ทำทาน การให้ บริจาคช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ทั้งหมดนี้เอาไว้นึกถึงก่อนตาย
๓.เมื่อเตรียมตัวตายเสร็จสิ้นแล้วท่านจะมีกำลังใจ จะกล้าขึ้นมาอย่างประหลาด ก็เราไม่กลัวมันแล้วความตาย พร้อมเผชิญหน้าแต่เราก็ไม่ประมาทพร้อมที่จะสู้กับมันโดย พบแพทย์ฟังคำแนะนำ รับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และออกกำลังกายให้เหมาะกับสภาพ
๔.หากลุ่มกิจกรรมแล้วเข้าร่วม อันนี้สำคัญครับ เลือกให้ดีว่าจะเข้ากลุ่มอะไร เลือกในสิ่งที่ท่านชอบ เช่น กลุ่มออกกำลังตอนเช้า มีกิจกรรมการเดิน รำมวยจีน ไทเก็ก ไทชิ มีมากมายตามสวนสาธารณะ กลุ่มนักเรียนเก่าเดือนพบกันครั้งหนึ่ง ชมรมกอล์ฟ นัดเพื่อนกินข้าว ชมรมร้องเพลงต่างๆ รวมกลุ่มท่องเที่ยว ชอบเรื่องใดเข้าไปเลย ชอบหลายเรื่องก็ไปมันทุกเรื่องเท่าที่สังขารและโอกาสอำนวย เดี๋ยวนี้ชมรมผู้สูงอายุมีอยู่ทุกเขต ทุกอำเภอ ทุกหมู่บ้าน
การมีกลุ่มกิจกรรม การพบปะสังสรรค์ทำให้เราต้องปรับตัว ต้องดูแลตัวเองให้ดูดี ไม่ปล่อยตัวจึงทำให้ไม่แก่ ไม่เชื่อลองเปรียบเทียบ พวกเกษียณแล้วไปทำไร่ ทำสวนที่ต่างจังหวัดไม่เคยออกสังคม ปีหนึ่งนัดพบปะสังสรรค์เพื่อนนักเรียนเก่า เปรียบเทียบกับเพื่อนอีกคนซึ่งมีกิจกรรม ออกงานสังคมเรื่อยๆ พอพบกันที สภาพร่างกาย การแต่งตัว มันฟ้อง ไม่ต้องอธิบายเลยครับ
ขอผู้ที่จะเกษียณ หรือเกษียณแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจ ปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์นะครับ ชีวิตยังมีค่า โลกยังน่าอยู่ เพียงแต่ค้นหาส่วนดีๆให้เจอ แล้วชีวิตจะมีแต่ความสุข
ผมเกษียณตัวเองออกจากงานบัญชี ด้วยอายุ38ปี ลงทุนทำอะไรเล็กๆน้อยๆตามแต่โอกาส แบบพอเพียง ผ่านมาเกือบ4ปี ในวันที่ไม่มีอะไรทำ บ้างวัน บ้างเวลาก็เหงาจับใจเลยครับ ทั้งที่ช่วงทำงานโหยหาวันว่าง เวลาว่าง แต่ตอนนี้กลับกลัววันที่ว่าง แล้วตอนนี้กำลังว่างอยุ่ ก็เลยได้มีโอกาสแวะเข้ามาอ่านบทความของท่าน ก็จะเอามาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิต
ขอให้ผู้ที่ยังไม่เกษียณ ทำงานเต็มที่ เครียด มีความสุข กับงานที่ทำไปเถอะครับ อย่าเกียง อย่าหนีงาน ไม่ต้องโหยหาวันว่างมากหรอกครับ เพราะเวลาว่าง 24ชม.ของทุกวัน รอท่านทุกท่านอยุ่แล้ว ไม่ต้องห่วง
อย่าลืมเตรียมตัวเกษียณตามคำแนะนำของท่านเจ้าของบล๊อกด้วยครับ
คุณวินัย
ใครที่เริ่มรู้สึกว่าชักจะว่าง จงอย่าปล่อยให้ว่างมากนัก มันจะนำไปสู่ความเหงา เมื่อเกิดความเหงามันจะเกาะกินใจ จนกลายเป็นซึมเศร้า ผู้จะช่วยแก้เหงาที่ดีที่สุดคือคู่ชีวิต แต่ถ้าอยู่ตัวคนเดียวต้องหากลุ่มเพื่อนที่รู้ใจ ลูกหลานคงพอพึ่งได้บ้างไม่มากนักเพราะเขาก็มีครอบครัวของเขา อีกอย่างทัศนคติและแนวคิดคนหนุ่มสาวกับคนแก่อาจจะไม่ค่อยเหมือนกัน เลือกเข้ากลุ่มให้ดี มีลูกน้องผมคนหนึ่งอยู่ตัวคนเดียวบ่นเหงาเลยโดดไปอยู่กับกลุ่ม “เสื้อสี” ได้เพื่อนเยอะ อาหารการกินฟรี พวกมากลากไปเลยเพี้ยนตามพวกไปเลย ที่ดีควรเข้าวัดที่สอนปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ รับรู้ความจริง ทุกสิ่งไม่เที่ยง ทุกคนมีความตายเป็นที่สุด
ที่พูดมานี้ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ ตื่นกลางดึกอดคิดไม่ได้ ถ้าเกิดว้าวุ่นขึ้นมากลางดึกอย่าลืมอาบน้ำเย็นๆจะช่วยให้ตื่นจากภวังค์ จิตใจจะแจ่มใสขึ้น
พี่อังกูรตอบคุณนาได้ดีมาก ผมคิดเหมือนพี่ครับ
ขอบคุณที่พี่ให้ข้อคิดดีๆแก่รุ่นน้องๆ
การเกษียณเป็นการถอดหัวโขนออกนั่นเอง
บางคนมารุ่งเรืองเอาหลังเกษียณ ดูตัวอย่างKFC ไก่ทอด เป็นตัวอย่าง.